เรื่องสนุกน่ารัก น่ารู้ ของสุนัขสายพันธุ์ ไซบีเรียน ฮัสกี้ ที่คุณอาจไม่เคยรู้
ตาสีฟ้าคู่นี้ไม่มีใครเหมือน
มีสุนัขเพียงไม่กี่สายพันธุ์ที่มีตาสีฟ้าคมกริบแบบเจ้าไซบีเรียน ฮัสกี้ สุนัขบางสายพันธุ์อย่างออสเตรเลียนเชพเพิร์ดหรือไวมาราเนอร์ (Weimaraner) นั้นมียีน Merle ที่ทำให้ตาของพวกมันเป็นสีฟ้า แต่ไซบีเรียนนั้นมีตาสีฟ้าสวยได้โดยไม่ต้องอาศัยยีนนี้
ฮัสกี้ เกิดมาวิ่ง!!
เมื่อ 3,000 ปีก่อน ชาวชุกชีซึ่งเป็นชาวเผ่าที่ร่อนเร่อยู่ในประเทศไซบีเรียต้องการจะขยายอาณาเขตในการล่าสัตว์ พวกเขาจึงต้องเสาะหาและผสมพันธุ์สุนัขที่เหมาะสมกับการนำมาลากเลื่อนหิมะมากที่สุด ซึ่งสุนัขเหล่านี้ต้องมีความอดทน ทั้งทนต่อสภาพอากาศที่หนาวจัดและสามารถมีชีวิตรอดได้ในสภาวะอดอยากหิวโหย ซึ่งเจ้าสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้นี้เองที่ได้รับการรับอย่างกว้างขวางว่ามีเชื้อสายที่ใกล้เคียงกับสุนัขของชาวชุกชีมากที่สุดแม้ว่ายังคงมีการโต้เถียงอยู่บ้าง
#
ว่ากันว่ามันลากเลื่อนเก่งที่สุดในปฐพี!
ไซบีเรียน ฮัสกี้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในอเมริกาในปีที่สองของการแข่งขัน All Alaska Sweepstakes Race หรือการแข่งขันลากเลื่อนในอลาสก้า ปี 1909 เล่าลือกันในวงพนันว่าเจ้าไซบีเรียนเป็นพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุด และมันก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ด้วยการคว้ารางวัลชนะเลิศในตลอดสิบปีต่อมา
ขนฟูๆ ช่วยรักษาความอบอุ่น (กอดก็อุ่นนะ)
เจ้าไซบีเรียนฮัสกี้นี้มีขนหนาสองชั้นที่ช่วยรักษาความอบอุ่นให้กับร่างกายของมัน โดยขนสั้นชั้นล่างช่วยรักษาความอบอุ่น ส่วนขนยาวชั้นบนช่วยกันน้ำได้เป็นอย่างดี ตาเรียวทรงอัลมอนด์ของพวกมันช่วยให้มองเห็นได้ดีท่ามกลางหิมะ และขณะนอนหลับ พวกมันจะม้วนหางเข้ามาหาใบหน้าของตัวเองให้จมูกได้รับการปกป้องจากอากาศหนาวเหน็บ รวมทั้งลมหายใจที่แสนอบอุ่นก็ช่วยทำให้หางไม่หนาวจนแข็งอีกด้วย
ฮีโร่ผู้ช่วยชีวิตเด็กๆ ทั้งเมือง
ในปี 1925 เด็กๆ จากเมืองโนมในอลาสก้าป่วยด้วยโรคคอตีบเป็นจำนวนมาก ยาที่ใช้รักษานั้นก็อยู่ห่างออกไปในเมืองแองเคอเรจที่มีระยะทางกว่า 1,000 ไมล์ รถไฟไม่สามารถนำยามาส่งให้ได้ จึงต้องมีการใช้สุนัขลากเลื่อนไปรับยาด้วยระยะทางที่เหลือกว่า 674 ไมล์ คนลากเลื่อนและสุนัขทั้งหลายต้องฝ่าพายุหิมะที่หนาวเหน็บเพื่อไปรับยาให้เด็กๆ พวกเขาใช้เวลากว่า 127.5 ชั่วโมงในการทำภารกิจนี้ ทีมสุดท้ายที่สามารถนำยามาได้สำเร็จคือทีมของเจ้าสุนัขไซบีเรียน ฮัสกี้สีดำ พวกมันถูกยกย่องให้เป็นฮีโร่ของเมืองจากหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ
เรื่องราวนี้อาจเป็นที่คุ้นเคยเพราะมันถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง Balto โดยเจ้าหมา Balto นี้มีอนุสาวรีย์เชิดชูอยู่ในเซ็นทรัลพาร์กในนิวยอร์ก
เฝ้าบ้านได้ไม่ดุเท่าไหร่หรอกนะ
ไซบีเรียน ฮัสกี้เป็นสุนัขที่เฟรนด์ลี่และเป็นมิตรกับคนแปลกหน้าทุกคน ซึ่งมันอาจจะดูน่ารักแต่คงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสุนัขไว้เฝ้าบ้าน ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดุราวกับหมาป่าของมันก็อาจจะเพียงพอแล้วสำหรับการขับไล่ผู้บุกรุกก็ตาม
ไซบีเรียน หมาที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ไซบีเรียน ฮัสกี้ต้องวิ่งในระยะทางที่แสนยาวไกลเพื่อแลกกับอาหารปริมาณไม่มาก อาจจะฟังดูโหดร้ายแต่ร่างกายของพวกมันนั้นถูกสร้างมาเพื่อสิ่งนี้ ถ้าหากเราเหล่ามนุษย์ทำอย่างพวกมันคงจะสูญเสียพลังงานและเหนื่อยเจียนตาย แต่เจ้าพวกไซบีเรียนสามารถใช้พลังงานมากมายโดยไม่สูญเสียพลังงานสำรองและไม่เหนื่อยเลยแม้แต่น้อย
“ก่อนการแข่งขันระบบเมตาบอลิซึ่มของพวกมันก็เหมือนกับสัตว์อื่นทั่วไป แต่เมื่อถึงคราวจำเป็นมันก็สามารถปรับร่างกายให้รับกับสภาพการแข่งขันได้อย่างดีเยี่ยม ในขณะที่วิ่งอยู่กว่า 100 ไมล์ต่อวันนั้นเราไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของพวกมัน แต่มันก็สามารถปรับร่างกายให้พักฟื้นได้ใน 24 ชั่วโมง” Dr. Michael S. Davis ผู้ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับร่างกายสัตว์กล่าวกับสำนักพิมพ์ New York Times
จับตาดูไว้ให้ดีล่ะ มันจะหนีไปแล้ว!!
เจ้าลูกสุนัขจอมซนพันธุ์นี้ชอบที่จะวิ่งและออกเดินทางสำรวจไปทั่วจนได้ชื่อว่า ‘นักหลบหนี’ และมีความสามารถในการขุดรั้วออกนอกบ้านอย่างเก่งกาจทีเดียว
ทหารขนปุยในสงครามโลก!
ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ไซบีเรียน ฮัสกี้ถูกใช้เป็นสุนัขของกองทัพในทีมสำรวจและช่วยเหลือ นอกจากนี้มันยังถูกใช้ในการขนส่งและสื่อสารอีกด้วย
บรรพบุรุษเป็นหมาป่า
มีงานวิจัยหลายชิ้นที่รับรองว่าสุนัขพันธุ์ชิบะ อินุ และเชา เชา มี DNA ใกล้เคียงกับหมาป่ามากที่สุด และเจ้าไซบีเรียน ฮัสกี้ก็เช่นกัน แต่พวกมันนั้นแยกตัวและมีการพัฒนาจากบรรพบุรุษหมาป่ามาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว
ทั้งสวยสง่าแถมยังเก่งไม่แพ้ใครจริงๆ น่ารักแบบนี้ต้องหาไซบีเรียน ฮัสกี้มาเลี้ยงซักตัวบ้างแล้วล่ะ